หนองหาร จังหวัดสกลนครเป็นแหล่งน้ำจืดธรรมชาติขนาดใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ครอบคลุมพื้นที่ถึง 77,014 ไร่ ประกอบด้วยพื้นที่ผิวน้ำและเกาะหรือดอนต่างๆ ซึ่งถือเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญในการดำรงชีวิตของผู้คนโดยรอบ ทั้งยังมีความหลากหลายทางชีวภาพของพืชและสัตว์ที่น่าสนใจ อย่างไรก็ตามในสภาวะปัจจุบันมี่มีการขยายตัวของชุมชนเมืองและความต้องการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติมากขึ้น หนองหารมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านกายภาพของพื้นที่และตัวทรัพยากรเองโดยพบปัญหาเกิดขึ้นภายในพื้นที่มากมายทั้งทางด้านสิ่งแวดล้อม ทรัพยากร หรือชุมชน ซึ่งมีความซับซ้อนและเปราะบางและการเปลี่ยนแปลงบางอย่างจะส่งผลกระทบต่อยอดเป็นลำดับไปสู่ผู้เกี่ยวข้องโดยเฉพาะชุมชนรอบหนองหารซึ่งใกล้ชิดและเป็นผู้ใช้ประโยชน์โดยตรง
มีการศึกษาวิจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมทางน้ำ ทรัพยากร สังคมและประวัติศาสตร์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับหนองหารอย่างมากมายและต่อเนื่องโดยเฉพาะช่วง 20 ปีให้หลัง เพื่อแสดงให้เห็นสถานภาพและความเป็นไปของหนองหารในช่วงระยะเวลานั้น อย่างไรก็ตามพบว่างานวิจัยเกือบทั้งหมดเป็นงานวิจัยเชิงเดี่ยวซึ่งมุ่งเน้นไปที่ปัจจัยเฉพาะด้าน เช่น การศึกษาความหลากหลายทางชีวภาพของพรรณปลา การศึกษาด้านอุทกวิทยา เป็นต้น แต่สิ่งที่ยังขาดอยู่มากคือการบูรณาการองค์ความรู้ในหลายๆ ด้าน รวบรวมเข้าด้วยกันเพื่อพิจารณาและสังเคราะห์ให้เกิดองค์ความรู้หรือนวัตกรรมใหม่เพื่อตอบโจทย์ปัญหาที่มีอยู่ของพื้นที่หรือสร้างแนวทางพัฒนาและอนุรักษ์หนองหารอย่างยั่งยืน
โครงการวิจัยนี้จึงเกิดขึ้นเพื่อรวบรวมองค์ความรู้ด้านต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนองหารโดยพื้นฐานของระบบนิเวศธรรมชาติอันเป็นจุดเริ่มต้นของการผลิตทรัพยากรและการใช้ประโยชน์ของชุมชน สิ่งที่ได้จากการบูรณาการองค์ความรู้ในหลายด้านเข้าด้วยกันนี้คือการสร้างนวัตกรรมหรือแนวทางในการพัฒนาหนองหารทั้งด้านการเฝ้าระวังแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมทางน้ำ การรักษาหรือเพิ่มกำลังผลิตของทรัพยากร และการใช้ประโยชน์พื้นที่หนองหารอย่างยั่งยืน โดยการมีส่วนร่วมของหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และภาคประชาชนซึ่งถือเป็นกำลังสำคัญในการที่จะสร้างจิตสำนึกที่ดีร่วมกันในการอนุรักษ์หนองหารเอาไว้เป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีคุณค่าทางธรรมชาติและประวัติศาสตร์ของชาวสกลนครต่อไป
สถานภาพสิ่งแวดล้อมทางน้ำถือเป็นปัจจัยสำคัญมากที่สุดในการศึกษาระบบนิเวศแหล่งน้ำ เนื่องจากสิ่งมีชีวิตตั้งแต่ผู้ผลิตขั้นต้นจนถึงผู้บริโภคลำดับสุดท้ายอย่างมนุษย์ได้รับอิทธิพลจากการเปลี่ยนแปลงของคุณภาพน้ำหรือดินตะกอนอันเป็นที่อยู่อาศัยและแหล่งพลังงานอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การศึกษาสถานภาพสิ่งแวดล้อมทางน้ำและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตามเวลาจึงมีความสำคัญเพื่อบ่งชี้สถานการณ์ของแหล่งน้ำและผลที่อาจเกิดต่อทรัพยากรทางน้ำ โดยเฉพาะปัจจัยชี้วัดทางมลพิษหรือความอุดมสมบูรณ์ที่สำคัญ ได้แก่ ปริมาณออกซิเจนละลายน้ำหรือปริมาณคลอโรฟิลล์ เอ เป็นต้น
หนองหารเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่ที่มีพื้นที่มากถึง 77,014 ไร่ และมีลักษณะภูมิประเทศและอุทกวิทยาซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามการใช้ประโยชน์ ความแตกต่างดังนี้ส่งผลต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่ปรากฏในพื้นที่ต่างๆ ด้วย การพิจารณาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแบ่งตามเขตพื้นที่จึงควรดำเนินการควบคู่ไปกับการศึกษาการเปลี่ยนแปลงตามเวลา เพื่อให้ทราบถึงพื้นที่ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดมลพิษหรือพื้นที่ที่มีโอกาสพัฒนาผลผลิตสัตว์น้ำหรือเขตอนุรักษ์จำเพาะได้
การศึกษาในครั้งนี้จะทำให้ทราบถึงธรรมชาติของหนองหารได้ดีขึ้นจากตัวชี้วัดด้านคุณภาพน้ำหรือดินตะกอน การเปลี่ยนแปลงตามฤดูกาลซึ่งอาจส่งผลต่อทรัพยากรทางน้ำ เพื่อการเฝ้าระวังปัญหามลพิษหรือใช้เป็นแนวทางพัฒนาพื้นที่อนุรักษ์ได้ในอนาคต